ขอความสุขคนไทย กลับคืนมา


ถึงสูงศักดิ์อัครฐาน สักปานใด ถึงวิไลเลิศฟ้า สง่าศรี ถึงฉลาดกาจกล้า ปัญญาดี ถ้าไม่มีคุณธรรม ก็ต่ำคน


*** ทางเวปไซท์ขอสงวนสิทธิ์ที่จะลบความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกับเวปไซท์นี้ ***


วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขึ้นเวทีเสื้อแดง

เป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเป็นหนึ่งในสภาหลักของชาติ แต่หาความเป็นกลางไม่ได้ สถาบันหลักของชาติไปเข้าข้างผู้ก่อกวนความสงบในชาติเสียแล้ว....

เอาเถอะ ปูยี่ปูยำชาติไม่พอ ยังจะปู้ยีปู้ยำสถาบันหลักของการปกครองของชาติอีก แถมยังบังอาจดึงฟ้าต่ำอีกต่างหาก ไม่น่าจะเป็นถึงรองประธานสภาเลย เวรกรรมของประเทศนี้แท้ๆ ที่มีคนอย่างนี้ในประเทศ




โฆษกมาร์ค “มาร์ค” สวนหมัดเพื่อไทย ฟาดหัวฟาดหาง โดดหนีประชุมสภา ไปทำตัวเป็นกุ๊ยข้างหน้า สงสัยจุดยืนที่ชัดเจนอย่าทำตัวเป็นแก๊งการเมือง ท้าให้ใช้สิทธิตามระบอบรัฐสภา ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ อัด “อภิวันท์” ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อ้างราชองครักษ์คุ้มกะลาแดงถ่อย แถมเมาหมัดขึ้นเวทีผิด กระดากปากท่านประธานที่เคารพ เย้ยอนาคตอาจได้เป็นนายกฯ รัฐไทยใหม่ของพ่อแม้ว

วันนี้ (24 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่เข้าร่วมการประชุมสภา ว่า ไม่ทราบจุดยืนของพรรคพื่อไทยในทางการเมืองว่าเป็นอย่างไร เพราะพรรคการเมืองนี้ ไม่มีเอกภาพ และจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ไม่แน่ใจว่า ยังดำรงสภาพความเป็นพรรคการเมือง หรือแก๊งการเมือง กันแน่ เพราะหลายครั้งที่มี ส.ส.ของพรรคออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง แต่ก็ไม่มีผลในทางปฏิบัติ แต่ละกลุ่มภายในพรรคดังกล่าวต่างออกมาปฏิเสธขัดขากันเอง ว่า ไม่ใช่มติของพรรค ตั้งแต่กรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน และแกนนำ นปช.ที่เสนอให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมดลาออกจากการเป็น ส.ส.แต่ก็ไม่มีใครกล้าลาออก แต่กลับอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ แต่ก็อยู่กอดเก้าอี้ ส.ส.ต่อไป และกรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ ออกมาประกาศว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งหมด จะบอยคอตไม่ร่วมสังฆกรรมประชุมสภาตลอดไป แต่เมื่อถูกกระแสสังคมวิจารณ์ ว่า ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็ไม่ควรรับเงินเดือนที่เป็นภาษีของประชาชน จนกรรมการบริหารพรรคต้องออกมาแก้ตัวเป็นพัลวันว่าไม่ใช่มติพรรค

“อยากถามว่า วันนี้ที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ ไม่เข้าทำหน้าที่ในสภา ถือเป็นมติหรือจุดยืนของพรรคหรือไม่ ถ้าเป็นมติของพรรคก็อยากถามว่า เป็นมติที่ชอบธรรมหรือไม่ เพราะการเป็น ส.ส.ต้องทำหน้าที่ในสภา แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่กลับหนีสภาไปขึ้นเวทีข้างถนนของ นปช.ปราศรัยโจมตีรัฐบาล แบบพูดฝ่ายเดียว ทั้งที่เวทีในสภาก็เปิดโอกาสให้ ส.ส.เหล่านี้ใช้สิทธิได้เต็มที่ และรัฐบาลก็มีสิทธิชี้แจงข้อเท็จจริงได้ ไม่ใช่ชกข้างถนนฝ่ายเดียว หรือจะเป็นเพราะว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน พูดความจริงเพียงครึ่งเดียวแล้วกลัวรัฐบาลโต้กลับด้วยความจริงทั้งหมด จึงไปเล่นเวทีข้างถนน จึงขอเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยกลับใช้เวทีสภาตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นประหารชีวิตทางการเมือง แต่พรรคเพื่อไทยกลับไม่ใช้สิทธิดังกล่าวตามกฎหมาย”

นายเทพไท กล่าวต่อว่า ส่วนที่มี ส.ส.ส่วนหนึ่งไปรวมตัวข้างถนน ขัดขวางเพื่อน ส.ส.ที่จะเข้าสภา ใช้เครื่องขยายเสียงส่งเสียงเอะอะโวยวายในเขตพระราชฐาน ไม่ต่างอะไรกับพวกเกี๊ยวกุ้ยข้างถนน ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็น ส.ส.อาวุโส ของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น แต่นก็ขอชื่นชมสปิริตของนักการเมืองหน้าใหม่ อย่าง นายนที สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ และ นายประยุทธ ศิริพานิช ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้ามาได้ทำหน้าที่ของ ส.ส.อย่างเต็มภาคภูมิที่สมควรได้รับการยกย่อง ต่างกับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ซึ่งเป็นทั้ง ส.ส.นนทบุรี และรองประธานสภาอีกตำแหน่ง กลับหนีการประชุมไม่มาทำหน้าที่บนบังลังก์ แต่กลับกระโดดขึ้นเวทีคนเสื้อแดงปราศรัยโจมตีประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยถ้อยคำผรุสวาทอย่างหยาบคายและรุนแรง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว ถือว่าเป็นการวางตัวที่เลือกข้างทางการเมืองชัดเจนแล้ว

“ขอถามว่า พ.อ.อภิวันท์ ยังมีน้ำหน้าจะขึ้นมานั่งบนบังลังก์ทำหน้าที่ประธานสภา ให้ ส.ส.กล่าวคำว่า “ท่านประธานที่เคารพ” อีกต่อไปได้หรือไม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งที่เหิมเกริมอ้างอิงสถาบัน ว่า นายทหารราชองครักษ์ของพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์หนึ่ง ที่ พ.อ.อภิวันท์ กล้าเอ่ยถึงพระนามอย่างชัดเจนว่า ได้มาเยี่ยมเยียนการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทำให้ตนมั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่กล้าใช้กำลังปราบปรามกลุ่มคนเสื้อแดง ถือได้ว่าเป็นการนำเอาสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเกราะป้องกันและเครื่องมือทาง การเมืองให้กลุ่มของตัวเองเป็นเรื่องบังควรหรือไม่ คนอย่างนี้รู้จักฟ้าสูง แผ่นดินต่ำหรือไม่”

นายเทพไท กล่าวต่อว่า หลังจากที่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวจบแล้ว นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.ได้ขึ้นมากล่าวชื่นชมสดุดี พ.อ.อภิวันท์ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ช่วงขึ้นเวทีปราศรัยก่อนหน้านี้แล้ววว่า เป็นคนสำคัญที่มีอนาคตก้าวไกลถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแน่นอน จึงขอให้สังคมไทยจับตามองว่าคนที่มีพฤติกรรมจาบจ้วง ก้าวร้าว เช่นนี้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้หรือไม่ ตนคิดว่า ถ้าจะเป็นได้ก็แค่นายกรัฐมนตรีของรัฐไทยใหม่ ที่ลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศสถาปนาไว้เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น